ฝ้าหลังคลอด ไปรู้ถึงสาเหตุ และแนวทางการรักษาให้กลับมาสวยใส

15

ในการตั้งครรภ์ นอกจากภาวะแพ้ท้องในช่วงแรกๆ ที่คุณแม่ต้องเจอแล้ว คุณแม่หลายคนอาจต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลังจากที่เจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลก เช่น อาการอย่าง ฝ้าหลังคลอด” หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Melasma ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้กับคุณแม่จำนวนไม่น้อย

ฝ้าหลังคลอด

บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าฝ้าหลังคลอดคืออะไร เกิดจากอะไร รักษาหายได้หรือไม่ และจะมีวิธีการรักษาแบบใดบ้างที่ช่วยให้ฝ้าหลังคลองจางลง และทำให้ใบหน้ากลับมาสดใสดั่งเดิม

ฝ้าหลังคลอดคืออะไร?

ฝ้าหลังคลอดคือภาวะที่ผิวหนังมีรอยปื้นสีน้ำตาลหรือสีเทาอมน้ำตาล มักพบบริเวณใบหน้า เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก หรือคาง ลักษณะของฝ้าจะเป็นรอยปื้นที่ไม่นูน ไม่มีอาการคันหรือเจ็บปวดใดๆ แต่ที่สำคัญคือส่งผลต่อความมั่นใจของหลายๆ คน

ฝ้าหลังคลอดเกิดจากอะไร?

สาเหตุหลักของฝ้าประเภทนี้มีความซับซ้อนและเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้ 

  • ฮอร์โมน: ถือเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเกิดฝ้าประเภทนี้ก็ว่าได้ เพราะในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนอย่างมาก ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ทำงานมากผิดปกติ ทำให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ
  • แสงแดด: แสงแดด โดยเฉพาะรังสียูวีเอและยูวีบี เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ฝ้าปรากฏชัดเจนขึ้นและเป็นสีเข้มขึ้น เนื่องจากรังสียูวีจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเม็ดสีมากขึ้น
  • พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า ก็จะเพิ่มโอกาสที่คุณแม่จะเป็นฝ้าหลังคลอดได้มากขึ้น
  • ความเครียดและการใช้ยาบางชนิด: แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลักโดยตรง แต่ความเครียดหรือการใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ก็อาจมีส่วนกระตุ้นหรือทำให้อาการฝ้าแย่ลงได้

ฝ้าหลังคลอดรักษาหายไหม?

ฝ้าประเภทนี้สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้และมีโอกาสหายขาดได้ แต่การรักษาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความลึกของฝ้า ระยะเวลาที่เป็น และการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล โดยปกติ ฝ้าหลังคลอดมักจะจางลงเองได้ในระยะเวลา 3-6 เดือนหลังคลอดหรือหลังหยุดให้นมบุตร เนื่องจากระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม หากฝ้ายังคงอยู่หรือเป็นฝ้าชนิดที่ฝังลึก การรักษาทางการแพทย์จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ควรใช้วิธีใดในการรักษาฝ้าหลังคลอด?

การรักษาฝ้าหลังคลอดมีหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาจากลักษณะของฝ้าและความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย วิธีการรักษาสามารถแบ่งออกได้ดังนี้:

  1. การทายา: ยาทาที่ใช้รักษามักมีส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone), ทรีทิโนอิน (Tretinoin), หรือกรดโคจิก (Kojic Acid) การทายาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
  2. การทำหัตถการทางการแพทย์:
    • เลเซอร์: เป็นวิธีที่นิยมและมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาฝ้า เลเซอร์จะช่วยสลายเม็ดสีส่วนเกิน โดยมีเลเซอร์หลายชนิดที่ใช้ในการรักษาฝ้า เช่น Q-Switched Nd:YAG Laser, Picosecond Laser ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
    • IPL (Intense Pulsed Light): เป็นการใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อลดเลือนเม็ดสี
    • การผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peel): เป็นการใช้สารเคมีเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้เซลล์ผิวที่มีเม็ดสีส่วนเกินหลุดลอกออกไป
  3. การดูแลตัวเอง:
    • การปกป้องผิวจากแสงแดด: เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันและลดเลือนฝ้า ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างน้อย 30 PA+++ เป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดจัด และสวมหมวก กางร่ม หรือหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงในช่วงเวลาที่แดดแรง
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว

นวัตกรรมการรักษาฝ้า MISS  

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย MISS (Melasma Integrated Solution System) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยโปรแกรม MISS เป็นโปรแกรมการรักษาฝ้าแบบองค์รวมที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับฝ้าทุกประเภท โดยเฉพาะฝ้าดื้อยาและฝ้าเรื้อรัง รวมถึงฝ้าหลังคลอดที่หลายคนกังวล โดยตัวโปรแกรมจะผสานเทคนิคการรักษาหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น 

  • เทคนิคเลเซอร์ที่ทันสมัย: ใช้เลเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและชนิดของฝ้า เพื่อเป้าหมายในการสลายเม็ดสีอย่างตรงจุด โดยลดผลข้างเคียงต่อผิว
  • การปรับสมดุลผิวจากภายใน: นอกจากเลเซอร์แล้ว อาจมีการใช้ยาหรือวิตามินเสริมที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของเซลล์เม็ดสี และเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว
  • การดูแลผิวควบคู่ไปด้วย: แนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม และการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

การรักษาด้วยโปรแกรม MISS จะเน้นการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพผิวและฝ้าอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด