“ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?” ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คือโรคติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจที่สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย และมักระบาดในฤดูฝนและฤดูหนาว โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ Influenza A, B และ C ซึ่งชนิด A และ B เป็นสาเหตุหลักของการระบาดในคน ขณะที่ชนิด C พบได้น้อยและอาการไม่รุนแรง โดยคำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?”
คำตอบอาจไม่ได้ตายตัว เพราะความรุนแรงของแต่ละสายพันธุ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การกลายพันธุ์ของไวรัส ความสามารถในการแพร่กระจาย ภูมิคุ้มกันของประชากร และการตอบสนองของระบบสาธารณสุขในช่วงเวลานั้น ๆ
Influenza A: ตัวการหลักของการระบาดใหญ่ (Pandemic)
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลมากที่สุด เพราะสามารถก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ระดับโลกได้ (เช่น ไข้หวัดใหญ่สเปนในปี 1918, ไข้หวัดใหญ่เอเชียในปี 1957, และ H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในปี 2009) จุดเด่นของ Influenza A คือสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ เช่น นก หมู หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงบางชนิด
สายพันธุ์ย่อยที่พบได้บ่อย ได้แก่
- H1N1: ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ในปี 2009 เป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่มีอัตราการเสียชีวิตไม่สูงนัก
- H3N2: เป็นสายพันธุ์ที่พบมากในการระบาดตามฤดูกาล และมักทำให้เกิดอาการรุนแรงในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
จากข้อมูลในหลายปีที่ผ่านมา พบว่า H3N2 มักเชื่อมโยงกับอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตที่สูงกว่าสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
Influenza B: ระบาดในเด็กและวัยเรียน
ไข้หวัดใหญ่ชนิด B ไม่ได้แพร่จากสัตว์สู่คน และมักจำกัดอยู่เฉพาะในมนุษย์ แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ย่อยหลัก คือ Victoria และ Yamagata โดย Victoria เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้ Influenza B จะไม่เคยทำให้เกิดการระบาดใหญ่ในระดับโลก แต่ก็สามารถก่อให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างในโรงเรียนหรือชุมชนได้ โดยเฉพาะในเด็กวัยเรียน และอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้เช่นกัน
Influenza C: ไม่รุนแรงและพบได้น้อย
ไวรัสชนิด C มักก่อให้เกิดอาการเล็กน้อยคล้ายไข้หวัดธรรมดา และแทบไม่เคยมีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ดังนั้นจึงไม่ใช่สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดความกังวลในเชิงสาธารณสุข
แล้วไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?
ถ้าพิจารณาจากประวัติการระบาดและอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงเพื่อหาคำตอบว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด H3N2 มักถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ “รุนแรงที่สุด” โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ รองลงมาคือ H1N1 ซึ่งแม้จะมีความรุนแรงน้อยกว่าแต่ก็แพร่กระจายได้รวดเร็วและครอบคลุมคนหลายช่วงวัย
ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้อย่างไร ?
- ฉีดวัคซีนประจำปี
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรฉีดทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว วัคซีนในแต่ละปีจะถูกปรับสูตรให้ครอบคลุมสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาด - ล้างมือบ่อย ๆ และสวมหน้ากากในที่แออัด
ไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม การล้างมือและสวมหน้ากากสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ - หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่ป่วย
โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ ไอ หรือเจ็บคอ
แม้ไข้หวัดใหญ่จะเป็นโรคที่ดูธรรมดา แต่สายพันธุ์อย่าง H3N2 และ H1N1 สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง การฉีดวัคซีนเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดความเสี่ยงทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง รู้จักสายพันธุ์ให้ลึก และป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผ่านฤดูไข้หวัดใหญ่ไปได้อย่างปลอดภัย











































