เช็คด่วน เล็บแบบไหนควรไปพบแพทย์ด่วน

11

เล็บเป็นส่วนหนึ่งของนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นนิ้วเท้าหรือนิ้วมือ การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สี ความหนา ความบางของเล็บ สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของเราได้ การหมั่นสังเกตและดูแลสุขภาพเล็บจึงมีความสำคัญ

ลักษณะเล็บที่ผิดปกติ 

โดยปกติแล้วเล็บจะมีลักษณะผิวเรียบ เป็นสีชมพูอ่อนๆ ผิวหนังรอบเล็บแข็งแรง แต่หากมีลักษณะที่ต่างไปจากนี้อาจบ่งถึงความผิดปกติของร่างกายได้ 

1.เล็บเปลี่ยนสี 

หากเล็บมีสีซีดจางลงหรือเปลี่ยนเป็นสีขาว อาจเป็นสัญญาณของการขาดธาตุเหล็ก โรคเกี่ยวกับตับ หรือภาวะหัวใจล้มเหลว หากเล็บมีสีเหลืองอาจเกิดจากการติดเชื้อรา การเป็นโรคไทรอยด์อย่างรุนแรง โรคปอด โรคเบาหวาน หรือโรคสะเก็ดเงิน และหากเล็บมีสีน้ำเงินหรือสีม่วงคล้ำ อาจเกิดจากร่างกายมีปริมาณออกซิเจนต่ำซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคหรือปัญหาเกี่ยวกับปอด หัวใจ หรือการไหลเวียนของเลือด 

2.เล็บรูปทรงช้อน (Koilonychia) 

เล็บมีลักษณะนิ่ม และมีรูปทรงโค้งเว้าหงายขึ้นคล้ายกับช้อน อาจเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจาง หรือการเกิดภาวะเหล็กเกิน พบได้ในผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคแพ้ภูมิตัวเอง 

3.เล็บแตกเปราะง่าย 

มักเกิดจาก การทำงานที่ต้องใช้มือมาก การล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงเมื่ออายุมากขึ้นเล็บอาจเปราะง่ายตามธรรมชาติ แต่ในผู้ที่ไม่ได้มีปัจจัยดังกล่าว อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะทุพโภชนาการ การขาดธาตุเหล็ก โรคเรเนาด์ (Raynaud Disease) และภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) 

4.เล็บบุ๋ม 

มีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม หรือเป็นรอยพรุนเล็ก ๆ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน  อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น โรคข้ออักเสบรีแอคทีฟ (Reactive Arthritis) และโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) 

5.เล็บปุ้ม 

คือการที่ปลายนิ้วมือขยายใหญ่กว่าปกติทำให้เล็บมีลักษณะหนาขึ้นและมีรูปทรงโค้งงอไปตามปลายนิ้ว เกิดจากการมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำเป็นเวลานานหลายปี เป็นสัญญาณปัญหาเกี่ยวกับปอด โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ และโรคเอดส์ด้วย 

6.เล็บเป็นคลื่น 

เล็บมีลักษณะเป็นเส้นหรือร่องเล็ก ๆ พาดตามแนวยาวหรือแนวขวางของเล็บคล้ายกับระลอกคลื่น มักพบในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคไขข้ออักเสบในระยะเริ่มต้น และมักพบร่วมกับการที่ผิวหนังใต้เล็บเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงด้วย 

อาการผิดปกติของเล็บเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนเล็บมือและเล็บเท้า และสามารถเกิดได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว และไม่ค่อยดูแลใส่ใจสุขภาพเล็บ เล็บที่ผิดปกติจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและตรงอาการ มิฉะนั้นอาจนำไปอาการที่รุนแรงได้