ผ้าไทยมีกี่ประเภท และสวมใส่ในโอกาสใดบ้าง

96

วัฒนธรรมการแต่งกายแบบไทยเป็นมรดกอันล้ำค่าที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่ละภูมิภาคของประเทศไทยก็จะมีผ้าไทยพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ในวันสำคัญหรืองานประเพณีต่างๆนั้นผ้าพื้นบ้านไทยจะได้รับการสวมใส่มากเป็นพิเศษ เช่น วันสงกรานต์ วันแต่งงาน ทำบุญตักบาตร งานมงคลต่างๆ งานราตรีสโมสร เป็นต้น

ผ้านอกจากจะเป็นเครื่องนุ่งห่มแล้ว ยังสามารถเป็นสิ่งที่บ่งบอกฐานะทางสังคม ตำแหน่งหน้าที่การงาน และประเพณีของท้องถิ่นนั้นๆได้เป็นอย่างดี

ประเภทของผ้าไทย

สามารถแบ่งประเภทของผ้าไทยออกได้ 3 ประเภทดังนี้

ผ้าที่ชาวบ้านทำการทอใช้เอง

ผ้าที่ชาวบ้านทำการทอขึ้นมาใช้เองนั้นยังสามารถแยกย่อยเป็น 2 ประเภท

  • ผ้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าประเภทนี้จะไม่ค่อยมุ่งเน้นความสวยงามเท่าใดนัก แต่ก็อาศัยว่าทำขึ้นมาง่ายๆ เน้นการใช้งานให้คงทนไว้ก่อน ผ้าประเภทนี้ยกตัวอย่างเช่น ผ้าซิ่น ผ้าโสร่ง ผ้าแถบ ผ้าพื้น ผ้าขาวม้า ผ้าตาโถง เป็นต้น
  • ผ้าสำหรับใช้ในงานพิธีต่างๆ ผ้าประเภทนี้จะใช้ความพิถีพิถัน ใช้ความประณีต ใช้ความละเอียดอ่อนในการทอเป็นอย่างมาก มีลวดลาย มีสีสันที่สวยงามมากเป็นพิเศษ ผ้าบางผืนนั้นใช้เวลาทอกันเป็นปีเลยทีเดียว นิยมใช้ในงานสำคัญต่างๆอย่างเช่น งานฟ้อนรำ งานทำบุญ หรือประเพณีที่มีความสำคัญต่างๆในสังคมไทย ผ้าทอประเภทนี้ เช่น ผ้ายก ผ้าตาด ผ้าตีนจก ผ้าลายจาก เป็นต้น

ผ้าสำหรับใช้ในศาสนา  

คนไทยนั้นให้การเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ดังนั้นแล้วผ้าที่ใช้สำหรับศาสนาจึงมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น จีวร, สบง, รัดปะคต ที่ใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มของพระสงฆ์ หรือจะเป็นผ้าที่ใช้สำหรับในพิธีต่างๆ เช่น ผ้าอาสนะสงฆ์ ผ้าปกหัวนาค เป็นต้น

ผ้าสำหรับใช้ในราชสำนัก

เป็นผ้าที่ทอขึ้นโดยช่างหลวง ใช้สำหรับกษัตริย์ ขุนนางและชนชั้นสูง ผ้าที่ใช้สำหรับในราชสำนักนี้จะเป็นเครื่องบ่งบอกถึง ตำแหน่ง หรือยศของผู้สวมใส่

วัตถุดิบที่ใช้ในการทอผ้าไทยมีดังนี้

ไหม

เส้นใยที่ใช้ทอผ้าจะเป็นเส้นใยที่ได้จากตัวไหม โดยส่วนใหญ่แล้วภูมิภาคที่นิยมในการเลี้ยงตัวไหมเพื่อนำเอาเส้นใยไหมมาทอผ้าได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ตัวไหมนั้นจะมีลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกับตัวหนอน เมื่อตัวไหมแก่ตัวลงมันก็จะทำการชักใยห่อหุ้มตัวเองกลายเป็นรังไหมที่เราจะนำมาสาวให้มันเป็นเส้นไหมนั่นเอง ขั้นตอนต่อมาเมื่อได้เป็นเส้นไหมแล้วก็ต้องนำมันไปฟอกอีกทีด้วยการต้มด้วยด่าง และจะต้องนำมากวักให้เป็นเส้นใยไหม พอได้เป็นเส้นใยไหมแล้วขั้นตอนต่อมาก็เอามาย้อมสีและนำมาทอให้กลายเป็นผืนผ้า โดยคุณสมบัติของผ้าไหม ผ้าจะมีความมันแวววาว ใส่สบาย

ฝ้าย

ในประเทศไทยนั้นการปลูกฝ้ายจะนิยมกันแทบทุกภูมิภาค คุณสมบัติของเส้นใยฝ้ายจะดูดความชื้นอย่างเช่นเหงื่อได้เป็นอย่างดี และทำให้ความชื้นนั้นระเหยกลายเป็นไอในที่สุด เมื่อได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ผลิตมาจากผ้าฝ้ายจึงรู้สึกนุ่ม ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี

การที่เราหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้นเป็นการช่วยรักษาวัฒนธรรมการแต่งกายของชนชาติไทยเราไม่ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา คนรุ่นใหม่จึงควรเห็นคุณค่าและช่วยสืบทอดการแต่งกายที่เป็นอัตลักษณ์แบบไทยนี้ให้คงอยู่อย่างยาวนาน